โฆษณาต้านคอรัปชั่น

วันอังคารที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2554

พระคุณแม่

"พระราชินี" พระราชทานคำขวัญวันแม่ (กรุงเทพธุรกิจ)
           สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระราชเสาวนีย์ พระราชทานคำขวัญวันแม่แห่งชาติ แก่สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อจะนำไปเผยแพร่เทิดพระคุณแม่ทั่วประเทศ

          ทั้งนี้ สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ขอความร่วมมือให้พี่น้องประชาชนทั่วประเทศร่วมกันร้อยดวงใจถวายความจงรักภักดีแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ


คำขวัญวันแม่ ประจำปี 2544 - 2552
 คำขวัญวันแม่ ประจำปี 2553

          สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานคำขวัญวันแม่แห่งชาติ ปี 2553 ความว่า

          "แผ่นดินนี้แม่ของลูกใช้ปลูกข้าว กี่แสนก้าวที่เดินซ้ำย่ำหว่านไถ บำรุงดินจนอุดมสมดังใจ หวังนาไทยเป็นของไทยไปนิรันดร์"

 คำขวัญวันแม่ ประจำปี 2552


          สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานคำขวัญวันแม่แห่งชาติ ปี 2552 ความว่า

          "แผ่นดินนี้ปู่ย่าตายายสร้าง  เคยทอดร่างลงถมถิ่นแผ่นดินแม่ ขอลูกไทยรักษามั่นไม่ผันแปร   เป็นไทยแท้มิใช่ไทยแต่ในนาม"

 คำขวัญวันแม่ ประจำปี 2551

         "เมื่อเกิดมาอาศัยถิ่นแผ่นดินไหน ควรมีใจกตัญญูรู้คุณถิ่น หากคนไทยรู้ตอบแทนคุณแผ่นดิน จักไม่มีวันสิ้นแผ่นดินไทย"
 คำขวัญวันแม่ ประจำปี 2550
         "ข้าวในนาปลาในน้ำคำโบราณ คือตำนานความอุดมสมบูรณ์สิน ฝากลูกไทยร่วมห่วงแหนรักแผ่นดิน ถนอมไว้อย่าให้สิ้นแผ่นดินไทย"
 คำขวัญวันแม่ ประจำปี 2549
 
         "รักในหลวงพร้อมใจใส่เสื้อเหลือง รักบ้านเมืองจงน้อมใจให้สร้างสรรค์ ใส่สีเดียวแล้วใจเดียวกลมเกลียวกัน รักเช่นนั้นชาติของตนจึงพ้นภัย"


 คำขวัญวันแม่ ประจำปี 2548


         "ดุจดังแม่ผู้ประเสริฐบังเกิดเกล้า เลี้ยงเราทุกคนมาจนใหญ่ ทุกคำข้าวคือสินแผ่นดินไทย ควรตรองใจทดแทนคุณแผ่นดิน"

 คำขวัญวันแม่ ประจำปี 2547

          สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ประทานคำขวัญวันแม่แห่งชาติปีนี้ความว่า
         "แม่คือผู้ให้ ให้โดยไม่หวังผลตอบแทนใดใด นอกจากความรักความเข้าใจจากลูก"
           พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ประทานคำขวัญวันแม่แห่งชาติปีนี้ความว่า 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น