โฆษณาต้านคอรัปชั่น

วันจันทร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ยาเพติด

สิ่งเสพติด หรือที่เรียกกันว่า "ยาเสพติด" ในความหมายของ องค์การอนามัยโลก (World Health Organization or WHO) จะหมายถึงสิ่งที่เสพเข้าไปแล้วจะเกิดความต้องการทั้งทางร่างกายและจิตใจต่อไปโดยไม่สามารถหยุดเสพได้ และจะต้องเพิ่มปริมาณมากขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุด จะทำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บต่อร่างกายและจิตใจขึ้น
พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พุทธศักราช 2522 ที่ใช้ในปัจจุบันได้กำหนดความหมายสิ่งเสพติดให้โทษดังนี้ สิ่งเสพติดให้โทษ หมายถึง "สารเคมีหรือวัตถุชนิดใดๆ ซึ่งเมื่อเสพเข้าสู่ร่างกายไม่ว่าจะโดยรับประทาน ดม สูบ ฉีด หรือด้วยประการใดๆ แล้วทำให้เกิดผลต่อร่างกายและจิตใจใน ลักษณะสำคัญ เช่น ต้องเพิ่มปริมาณการเสพขึ้นเรื่อยๆ มีอาการขาดยาเมื่อไม่ได้เสพ มีความต้องการเสพทั้งทางร่างกายและจิตใจอย่างรุ่นแรงอยู่ตลอดเวลา และทำให้สุขภาพทรุดโทรมลง กับให้รวมตลอดถึงพืช หรือส่วนของพืชที่เป็นหรือให้ผลผลิตเป็นยาเสพติดให้โทษหรืออาจใช้ผลิตเป็นยาเสพติดให้โทษ และสารเคมีที่ใช้ในการผลิตยาเสพติดให้โทษด้วย ทั้งนี้ ตามที่รัฐมนตรีประกาศในราชกิจจานุเบกษา แต่ไม่หมายความถึงยาสามัญประจำบ้านบางตำรับ ตามกฎหมายว่าด้วยยาที่มียาเสพติดให้โทษผสมอยู่"
ปัจจุบันนี้สิ่งเสพติดนับว่าเป็นปัญหาสำคัญของประเทศ เพราะสิ่งเสพติดเป็นบ่อเกิดของปัญหาอื่นๆ หลายด้าน นับตั้งแต่ ตัวผู้เสพเองซึ่งจะเกิดความทุกข์ ลำบากทั้งกายและใจ และเมื่อหาเงินซื้อยาไม่ได้ก็อาจจะก่อให้เกิดอาชญากรรมต่างๆ สร้างความเดือดร้อนให้พ่อแม่พี่น้อง และสังคม ต้องสูญเสีย เงินทอง เสียเวลาทำมาหากิน ประเทศชาติต้องสูญเสียแรงงานและสูญเสียเงินงบประมาณในการปราบปรามและรักษาผู้ติดสิ่งเสพติด และเหตุผลที่ทำให้ สิ่งเสพติดเป็นปัญหาสำคัญของประเทศอีกข้อหนึ่งคือ ปัจจุบันมีผู้ติดสิ่งเสพติดเพิ่มมากขึ้นทั้งนี้ยังไม่รวมถึงจำนวนผู้ติดบุหรี่ สุรา ชา กาแฟ

เนื้อหา

[ซ่อน]

[แก้] ความรู้เกี่ยวกับสารกล่อมสิ่งเสพติดและการป้องกัน

พลเมื่องดีตามวิถีชีวิต

ความหมายของ พลเมืองดี ในวิถีชีวิตประชาธิปไตย
                พจนานุกรมนักเรียนฉบับราชบัณฑิตยสถาน  ได้ให้ความหมายของคำต่าง ๆ  ดังนี้
                พลเมือง  หมายถึง  ชาวเมือง  ชาวประเทศ  ประชาชน
                วิถี  หมายถึง  สาย  แนว  ทาง  ถนน
                ประชาธิปไตย  หมายถึง  แบบการปกครองที่ถือมติปวงชนเป็นใหญ่
                ดังนั้นคำว่า พลเมืองดีในวิถีชีวิตประชาธิปไตย  จึงหมายถึง  พลเมืองที่มีคุณลักษณะที่สำคัญ  คือ  เป็นผู้ที่ยึดมั่น
ในหลักศีลธรรมและคุณธรรมของศาสนา  มีหลักการทางประชาธิปไตยในการดำรงชีวิต  ปฏิบัติตนตามกฎหมาย
ดำรงตนเป็นประโยชน์ต่อสังคม โดยมีการช่วยเหลือเกื้อกูลกัน  อันจะก่อให้เกิดการพัฒนาสังคมและประเทศชาติ 
ให้เป็นสังคมและประเทศประชาธิปไตยอย่างแท้จริงหลักการทางประชาธิปไตย
                หลักการทางประชาธิปไตยที่สำคัญ  ได้แก่
1)      หลักอำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชน  หมายถึง  ประชาชนเป็นเจ้าของ  อำนาจสูงสุดในการปกครองรัฐ
2)      หลักความเสมอภาค  หมายถึง  ความเท่าเทียมกันในสังคมประชาธิปไตย  ถือว่าทุกคนที่เกิดมาจะมีความ
      เท่าเทียมกันในฐานะการเป็นประชากรของรัฐ  ได้แก่  มีสิทธิเสรีภาพ  มีหน้าที่เสมอภาคกัน ไม่มีการแบ่งชนชั้น
      หรือการเลือกปฏิบัติ  ควรดำรงชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ไม่ข่มเหงรังแกคนที่อ่อนแอหรือยากจนกว่า
3)      หลักนิติธรรม  หมายถึง  การใช้หลักกฎหมายเป็นกฎเกณฑ์การอยู่ร่วมกัน เพื่อความสงบสุขของสังคม
4)      หลักเหตุผล  หมายถึง  การใช้เหตุผลที่ถูกต้องในการตัดสินหรือยุติปัญหาในสังคม
5)      หลักการถือเสียงข้างมาก  หมายถึง  การลงมติโดยยอมรับเสียงส่วนใหญ่ในสังคมประชาธิปไตย  ครอบครัว
       ประชาธิปไตย  จึงใช้หลักการถือเสียงข้างมากเพื่อลงมติในประเด็นต่าง ๆ  ได้อย่างสันติวิธี
6)      หลักประนีประนอม  หมายถึง  การลดความขัดแย้งโดยการผ่อนหนักผ่อนเบาให้กัน  ร่วมมือกันเพื่อเห็นแก่ประโยชน์
      ของส่วนรวมเป็นสำคัญ
      หลักการทางประชาธิปไตยจึงเป็นหลักการสำคัญที่นำมาใช้ในการดำเนินชีวิตในสังคม  เพื่อก่อให้เกิดความสงบสุข
 ในสังคมได้

                                                        

แนวทางการปฏิบัติตนเป็นพลเมืองดีตามวิถีชีวิตประชาธิปไตย
                พลเมืองดีตามวิถีชีวิตประชาธิปไตยควรมีแนวทางการปฏิบัติตนดังนี้ คือ
1)      ด้านสังคม  ได้แก่
(1)    การแสดงความคิดอย่างมีเหตุผล
(2)    การรับฟังข้อคิดเห็นของผู้อื่น
(3)    การยอมรับเมื่อผู้อื่นมีเหตุผลที่ดีกว่า
(4)    การตัดสินใจโดยใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์
(5)    การเคารพระเบียบของสังคม
(6)    การมีจิตสาธารณะ  คือ  เห็นแก่ประโยชน์ของส่วนรวมและรักษาสาธารณสมบัติ
2)      ด้านเศรษฐกิจ  ได้แก่
(1)    การประหยัดและอดออมในครอบครัว
(2)    การซื่อสัตย์สุจริตต่ออาชีพที่ทำ
(3)    การพัฒนางานอาชีพให้ก้าวหน้า
(4)    การใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ต่อตนเองและสังคม
(5)    การสร้างงานและสร้างสรรค์สิ่งประดิษฐ์ใหม่ ๆ  เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมไทยและสังคมโลก
(6)    การเป็นผู้ผลิตและผู้บริโภคที่ดี   มีความซื่อสัตย์  ยึดมั่นในอุดมการณ์ที่ดีต่อชาติเป็นสำคัญ
3)      ด้านการเมืองการปกครอง  ได้แก่
(1)    การเคารพกฎหมาย
(2)    การรับฟังข้อคิดเห็นของทุกคนโดยอดทนต่อความขัดแย้งที่เกิดขึ้น
(3)    การยอมรับในเหตุผลที่ดีกว่า
(4)    การซื่อสัตย์ต่อหน้าที่โดยไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน
(5)    การกล้าเสนอความคิดเห็นต่อส่วนรวม  กล้าเสนอตนเองในการทำหน้าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 
      หรือสมาชิกวุฒิสภา
(6)    การทำงานอย่างเต็มความสามารถ  เต็มเวลา


ใบความรู้ 

                                              เรื่อง จริยธรรมของการเป็นพลเมืองดี

                คุณธรรม  จริยธรรม  หมายถึง  ความดีที่ควรประพฤติ  กิริยาที่ควรประพฤติ  คุณธรรม  จริยธรรมที่ส่งเสริมความเป็น
พลเมืองดี  ได้แก่
1)      ความจงรักภักดีต่อชาติ  ศาสนา  พระมหากษัตริย์  หมายถึง  การตระหนักในความสำคัญของความเป็นชาติไทย 
      การยึดมั่นในหลักศีลธรรมของศาสนา  และการจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์
2)      ความมีระเบียบวินัย  หมายถึง  การยึดมั่นในการอยู่ร่วมกันโดยยึดระเบียบวินัย  เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย
     ในสังคม
3)      ความกล้าทางจริยธรรม  หมายถึง  ความกล้าหาญในทางที่ถูกที่ควร
4)      ความรับผิดชอบ  หมายถึง  การยอมเสียผลประโยชน์ส่วนตนเพื่อผู้อื่น  หรือสังคมโดยรวมได้รับประโยชน์
     จากการกระทำของตน
5)      การเสียสละ  หมายถึง  การยอมเสียผลประโยชน์ส่วนตนเพื่อผู้อื่น  หรือสังคมโดยรวมได้รับประโยชน์จาก
     การกระทำของตน
6)      การตรงต่อเวลา  หมายถึง  การทำงานตรงตามเวลาที่ได้รับมอบหมาย
การส่งเสริมให้ผู้อื่นปฏิบัติตนเป็นพลเมืองดี
                การที่บุคคลปฏิบัติตนเป็นพลเมืองดีในวิถีประชาธิปไตยแล้ว  ควรสนับสนุนส่งเสริมให้บุคคลอื่นปฏิบัติตนเป็นพลเมืองดี
ในวิถีประชาธิปไตยด้วย  โดยมีแนวทางการปฏิบัติดังนี้
1.         การปฏิบัติตนให้เป็นพลเมืองดีในวิถีประชาธิปไตย  โดยยึดมั่นในคุณธรรมจริยธรรมมของศาสนาและ
      หลักการของประชาธิปไตยมาใช้ในวิถีการดำรงชีวิตประจำวันเพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีแก่คนรอบข้าง
2.         เผยแพร่  อบรม  หรือสั่งสอนบุคคลในครอบครัว  เพื่อนบ้าน คนในสังคม  ให้ใช้หลักการทางประชาธิปไตยเป็น
      พื้นฐานในการดำรงชีวิตประจำวัน
3.         สนับสนุนชุมชนในเรื่องที่เกี่ยวกับการปฏิบัติตนให้ถูกต้องตามกฎหมาย  โดยการบอกเล่า  เขียนบทความเผยแพร่
      ผ่านสื่อมวลชน
4.         ชักชวน  หรือสนับสนุนคนดีมีความสามารถในการมีส่วนร่วมกับกิจกรรมทางการเมืองหรือกิจกรรม
      สาธารณประโยชน์ของชุมชน
5.         เป็นหูเป็นตาให้กับรัฐหรือหน่วยงานของานรัฐในการสนับสนุนคนดี  และกำจัดคนที่เป็นภัยกับสังคม
การสนับสนุนให้ผู้อื่นปฏิบัติตนเป็นพลเมืองดีในวิถีประชาธิปไตย  ควรเป็นจิตสำนึกที่บุคคลพึงปฏิบัติเพื่อ
ให้เกิดประชาธิปไตยอย่างแท้จริง

โรคหัวใจ

ชั่วโมงการทำงานที่อัดแน่นด้วยความเครียด และการกินอาหารที่อุดมไปด้วยไขมันและเกลือ กำลังคุกคามสุขภาพของคนยุคปัจจุบัน อีกไม่นาน... การใช้ชีวิตสมัยใหม่แบบนี้ อาจทำให้ โรคหัวใจ ระบาดทั่วเมือง...           หัวใจคนเรามี 4 ห้อง แบ่งซ้าย - ขวา โดยผนังของกล้ามเนื้อหัวใจ และแบ่งเป็นห้องบน –ล่างโดยลิ้นหัวใจ ในทุกๆ วัน หัวใจคนเราจะเต้นประมาณ 100,000 ครั้ง และสูบฉีดเลือดประมาณวันละ 2,000 แกลลอน เปรียบเสมือนการทำงานปกติของ "หัวใจ" แต่ถ้าวันหนึ่ง... หัวใจเราเกิดอาการผิดปกติขึ้นมาล่ะ จะทำอย่างไร...?

          ทั้งนี้ นายแพทย์สุรพันธ์ สิทธิสุข แพทย์จากหน่วย โรคหัวใจ และหลอดเลือด คณะแพทย์ศาสตร์ ภาควิชาอายุรศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ กล่าวว่า อาการผิดปกติเบื้องต้นของร่างกาย ซึ่งอาจเป็นข้อบ่งชี้ว่า มีอัตราเสี่ยงต่อการเป็น โรคหัวใจ สามารถแบ่งได้หลายชนิด ดังนี้

 โรคหัวใจ ที่อาการผิดปกติที่เกิดขึ้นเฉียบพลัน... 

          คือ อาการผิดปกติเบื้องต้นของร่างกาย ที่บ่งชี้ว่าอาจเป็น โรคหัวใจ พบบ่อยในคนทั่วไป ที่คิดว่าตัวเองมีสุขภาพดี ทั้งที่ความจริงอาจเป็นโรคหัวใจในระยะแรกเริ่ม มีดังนี้
           1. เหนื่อยเวลาออกกําลังกาย เพราะหัวใจทําหน้าที่ในการสูบฉีดโลหิตไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย ขณะที่เราออกกําลังกาย หัวใจจะทํางานหนักมากขึ้น ปกติเวลาที่เราออกกำลังกายไปถึงระดับหนึ่งจะรู้สึกเหนื่อย แต่ในรายของคนที่มีอาการเริ่มต้นของ โรคหัวใจ แม้ออกกำลังกายเพียงเล็กน้อย จะรู้สึกเหนื่อยผิดปกติอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ดังนั้นหากออกกำลังกาย แล้วรู้สึกเหนื่อยง่ายผิดปกติ อาจเป็นข้อบ่งชี้ได้ว่า คุณอาจเป็น โรคหัวใจ

           2. เจ็บหน้าอกหรือแน่นหน้าอก มักพบบ่อยในคนที่เป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ และไขมันอุดตันในหลอดเลือดหัวใจ อาการดังกล่าวจะมีลักษณะเฉพาะคือ รู้สึกเหมือนหายใจอึดอัด และแน่นบริเวณกลางหน้าอก เหมือนมีของหนักทับอยู่ หรือรัดไว้ให้ขยายตัวเวลาหายใจ โดยมากอาการนี้ จะแสดงออกเวลาที่หัวใจต้องทำงานหนัก เช่น ระหว่างการออกกำลังกาย หรือใช้แรงมากๆ เป็นต้น ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสัญญาณเตือนว่า อาจเป็น โรคหัวใจ

           3. ภาวะหัวใจล้มเหลว เกิดจากการที่หัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างของร่างกายได้อย่างเพียงพอ โดยผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการเหนื่อย ทั้งที่ออกกำลังกายเพียงนิดหน่อย หรือเหนื่อยทั้งที่นั่งอยู่เฉยๆ ในกรณีที่เป็นมาก อาจทำให้ไม่สามารถนอนราบได้เหมือนปกติ เพราะจะรู้สึกเหนื่อยเวลาหายใจ และอึดอัดตรงหน้าอก นอกจากนั้น อาจมีอาการหอบจนต้องตื่นขึ้นมาหอบกลางดึกอีกด้วย อาการภาวะหัวใจล้มเหลวนี้ หากไม่รีบไปพบแพทย์โดยเร็ว และไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจมีอันตรายถึงชีวิตได้

           4. ใจสั่นและหัวใจเต้นผิดจังหวะ ปกติหัวใจของเราจะเต้นด้วยจังหวะที่สม่ำเสมอประมาณ 60 -100 ครั้ง/นาที แต่สำหรับคนที่มีอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะ อาจขยับไปถึง150 -250 ครั้ง/นาที ซึ่งอัตราการเต้นของหัวใจที่ไม่สม่ำเสมอนี้ จะทำให้เหนื่อยง่าย ใจสั่น หายใจไม่ทัน

           5. เป็นลมหมดสติ คืออีกหนึ่งอาการที่เตือนว่าคุณอาจเป็น โรคหัวใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้สูงอายุ ซึ่งมีอัตราเสี่ยงต่อการเป็นลมหมดสติสูง เนื่องจากจังหวะการเต้นของหัวใจไม่สม่ำเสมอ เพราะเซลล์ซึ่งทำหน้าที่ให้จังหวะไฟฟ้าในหัวใจเสื่อมสภาพ ส่งผลให้หัวใจเต้นช้าลง และส่งเลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ จนทำให้เป็นลมไปชั่วคราวได้ ทั้งนี้ การเป็นลมหมดสติ มักจะเกิดในท่ายืนมากกว่านั่ง ทำให้ขณะล้มลงศีรษะมีโอกาสฟาดพื้น และเกิดการกระทบกระเทือนต่อสมองได้มากกว่า ดังนั้น ใครที่เป็นลมบ่อยๆ ควรรีบไปพบแพทย์ เพราะอาจเป็น โรคหัวใจ ได้

           6. หัวใจหยุดเต้นกะทันหัน ในกรณีนี้มักเกิดจากความผิดปกติของเซลล์หัวใจโดยตรง และมักเกิดกับคนปกติที่ไม่มีอาการของ โรคหัวใจ มาก่อนล่วงหน้า ซึ่งหากมีอาการหัวใจหยุดเต้นกะทันหัน ถ้าไม่ได้รับการช่วยเหลือที่รวดเร็ว อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

 โรคหัวใจ ที่อาการผิดปกติที่สังเกตได้จากร่างกาย... 
          นอกจากความผิดปกติชนิดเฉียบพลันแล้ว อาการบ่งชี้ที่สังเกตได้จากร่างกายของเราเอง ก็เป็นอีกหนึ่งความผิดปกติที่เตือนให้รู้ว่า คุณอาจเป็น โรคหัวใจ และควรไปพบแพทย์โดยด่วนได้เช่นกัน เป็นต้นว่า...

           1. ขาหรือเท้าบวมโดยไม่ทราบสาเหตุ
เมื่อกดดูแล้วมีรอยบุ๋มตามนิ้วที่กดลงไป ซึ่งหากเกิดขึ้นกับใคร ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจเช็คโดยด่วน เพราะนั่นอาจเป็นสัญญาณเตือนให้รู้ว่า เวลานี้คุณอาจอยู่ในภาวะหัวใจล้มเหลวโดยที่ไม่รู้ตัว
               
           2. ปลายมือ ปลายเท้า และริมฝีปากมีลักษณะเขียวคล้ำ อาการดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า ทางเดินของเลือดในหัวใจห้องขวากับห้องซ้ายมีการเชื่อมต่อที่ผิดปกติ ส่งผลให้เกิดการผสมของเลือดแดงกับเลือดดํา และทําให้ปริมาณของออกซิเจนในเลือดมีปริมาณน้อยลง

 โรคหัวใจ ที่อาการผิดปกติที่ตรวจพบขณะตรวจร่างกาย...


          การไปพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพประจำปี เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะทำให้เราสามารถคาดคะเนความเสี่ยงต่อการเกิด โรคหัวใจ ได้ เช่น ตรวจเลือดแล้วพบว่าเป็นเบาหวาน หรือมีไขมันในเลือดสูง ก็อาจสันนิษฐานได้ว่า มีความเสี่ยงต่อการเกิดหลอดเลือดหัวใจตีบได้เช่นกัน หรือเอ็กซเรย์แล้วพบว่า ขนาดของหัวใจโตกว่าปกติ ซึ่งอาจเกิดจากหลอดเลือดหัวใจตีบ ลิ้นหัวใจรั่ว และกล้ามเนื้อหัวใจบีบตัวอ่อนกำลังลง ทำให้ห้องต่างๆ ของหัวใจขยายขนาดใหญ่ขึ้น ทั้งนี้ ในกรณีที่ตรวจพบว่ามีความเสี่ยงสูง ไม่ควรนิ่งนอนใจ ควรรีบไปพบแพทย์โดยด่วน

 ป้องกัน โรคหัวใจ อย่างไรดี... 
         
          ข้อมูลที่ได้บอกไปข้างต้น เป็นเพียงข้อสันนิษฐานเบื้องต้นว่า เรามีอัตราเสี่ยงสูงต่อการป่วยเป็น โรคหัวใจ เท่านั้น ซึ่งผู้ที่จะวินิจฉัยว่าเราเป็น โรคหัวใจ หรือไม่ คือแพทย์ โรคหัวใจ เท่านั้น ดังนั้นหากพบความผิดปกติ ควรรีบไปพบแพทย์โดยด่วนดีที่สุด

 สำหรับคนที่หัวใจยังเป็นปกติ เรามีข้อแนะนำในการดูแลหัวใจ (ก่อนสายเกินไป) ดังนี้ค่ะ

           สังเกตความผิดปกติของตัวเองอยู่เสมอ โดยเฉพาะอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นเฉียบพลัน เช่น ดูว่าอัตราการเต้นของหัวใจปกติดีหรือไม่ เจ็บหน้าอก ใจสั่นบ่อยๆ หรือเปล่า เป็นต้น
               
           ออกกำลังกายเป็นประจำ ซึ่งนอกจากจะทำให้ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ สุขภาพจิตแจ่มใสแล้ว ยังช่วยให้หัวใจสูบฉีดเลือดได้ดีขึ้นอีกด้วย

           ดูแลสุขภาพใจให้ผ่องใสอยู่เสมอ พยายามไม่เครียด รู้จักควบคุมอารมณ์ และพึงระลึกไว้เสมอว่า ความเครียดและความโกรธ เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้หัวใจเต้นแรง และทำงานหนักขึ้น

           รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ โดยงดอาหารที่มีไขมันสูง ซึ่งทำให้ความดันโลหิตสูง เกิดภาวะเส้นเลือดหัวใจตีบได้ง่าย และหันไปกินผักผลไม้ให้มากขึ้น
               
           ควรไปตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี เพื่อป้องกันและรักษาโรคร้ายที่อาจคาดไม่ถึง เช่น โรคหัวใจ ซึ่งแฝงอยู่ในตัวเราตั้งแต่เนิ่นๆ

          ... ยามใดที่ร่างกายอ่อนล้า เราหยุดพักให้หายเหนื่อยได้... แต่ยามใดที่หัวใจอ่อนแรง มันก็ยังคงเดินต่อไป ทำงานต่อไป... เพราะฉะนั้น เมื่อรู้ว่า "หัวใจ" คนเราไม่เคยหยุดพัก อย่าลืมดูแลรักษามันไว้ให้ดีๆ นะคะ เพือจะได้ไม่เป็น โรคหัวใจ ค่ะ

ผลกระทบของปัญาหาสารเสพติด

1. สถานการณ์ยาเสพติด
              สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้สรุปผลการดำเนินการปราบปรามยาเสพติด นับแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2546 ถึง 30 เมษายน 2546 ตามนโยบายประกาศสงครามกับยาเสพติดขั้น “แตกหัก” ของรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ผลปรากฏว่า มีการจับกุมผู้ผลิต 423 ราย ผู้ต้องหา 353 คน จับกุมรายสำคัญ 1,505 ราย ผู้ต้องหา 1,729 คน รายย่อย 13,748 ราย ผู้ต้องหา 14,585 คน จับกุมผู้ต้องหาครอบครองยาบ้า 19,112 ราย ผู้ต้องหา 19,663 คน จับกุมผู้เสพ 19,442 ราย ผู้ต้องหา 19,653 ราย ตั้งจุดสกัด 182,123 ครั้ง จับกุมผู้เสพยาเสพติดได้ 5,041 ราย ผู้ต้องหา 5,322 คน ปิดล้อมแหล่งยาบ้า 64,911 ครั้ง จับกุมผู้เสพยาบ้าได้ 10,165 ราย ผู้ต้องหา 10,884 คน เข้าตรวจสถานบริการ 87,776 ครั้ง ตรวจปัสสาวะ 49,718 ราย พบปัสสาวะสีม่วง 2,679 คน รวมผู้ต้องหาที่จับได้ทั้งหมด 54,983 ราย จำนวนผู้ต้องหาทั้งสิ้น 55,983 คน ยึดของกลางยาบ้าได้ทั้งหมด 13,150,335 เม็ด และผลจากมาตรการดังกล่าวมีผู้เสียชีวิตแล้วประมาณ 1,600 คน ?
                 ผลสะท้อนจากนโยบายของรัฐบาล ได้รับเสียงปรบมือที่ดังกึกก้องจากประชาชน แต่ในขณะเดียวกันก็ได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องของ “การวิสามัญฆาตกรรม” และ “การฆ่าตัดตอน” จากสื่อมวลชน นักวิชาการ และนักสิทธิมนุษยชน อย่างรุนแรงถึงขนาดนายกทักษิณเองก็ออกมาตอบโต้ว่า “ยูเอ็น (UN) ไม่ใช่พ่อ” “พ่อผมชื่อเลิศ แม่ผมชื่อยินดี”
                ปัญหายาเสพติดถึงแม้รัฐบาลมีความตั้งใจจริงที่จะขจัดให้หมดไปจากผืนแผ่นดินไทย แต่จากข่าวทางโทรทัศน์และหน้าหนังสือพิมพ์มีให้เห็นเกือบทุกวันว่า มีการจับยาเสพติดและยึดทรัพย์อยู่เป็นประจำทุกวี่ทุกวัน ในขณะเดียวกันก็มีการวิสามัญฆาตกรรมของเจ้าหน้าที่ทางการ และการฆ่าตัดตอนจากเจ้าหน้าที่ไม่เป็นทางการเกือบทุกรายวัน และที่น่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง พบว่าเด็กและเยาชนหันกลับมานิยมเสพกาวและสารระเหย เพื่อทดแทนยาบ้า เนื่องจากยาบ้าหายาก และมีราคาแพงขึ้นถึง 3 เท่าตัว นอกจากนี้ยังพบว่า เด็กและเยาวชนหันไปทดลองเสพสารเสพติดใหม่ๆ ที่กฎหมายและผู้ใหญ่อย่างเรายังตามไม่ทัน เช่น ไนตรัสออกไซด์ หรือที่เรียกกันในหมู่วัยรุ่นว่า “ดมตรัส” และ ดิ้ว เป็นต้น
จะเป็นไปได้หรือ? ที่ยาเสพติดจะหมดไปจากประเทศไทยภายในวันที่ 2 ธันวาคม 2546 ตามที่รัฐบาลได้ประกาศไปแล้ว หรือจะต้องฆ่าผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดทุกคน ยาเสพติดจึงจะหมดไปจากผืนแผ่นดินสยามอันรมเย็นเมื่อในอดีต

อุปกรร์เคื่องใช้ในบ้าน

อาบน้ำอุ่นอย่างปลอดภัยด้วยระบบนิรภัยเก้าจุดทั้งระบบ ELCB ระบบตัดไฟอัตโนมัติ อุปกรณ์ควบคุมอุณหภูมิ และอุปกรณ์ควบคุมแรงดันน้ำ

เครื่องปั๊มน้ำ

ปั๊มน้ำอัตโนมัติ
ขจัดทุกปัญหาที่เกี่ยวกับแรงดันน้ำด้วยเครื่องสูบน้ำฮิตาชิแบบอัตโนมัติ ที่ประกอบไปด้วยเทคโนโลยีอันล้ำสมัยและประสิทธิภาพในการเพิ่มแรงดันน้ำสูงสุด พร้อมด้วยการออกแบบที่ดูดี มีรสนิยม แข็งแรงทนทาน และเหมาะกับความต้องการในการใช้งานที่เกี่ยวกับน้ำทุกประเภท

อาหารและโภชนาการ

การเลี้ยงสัตว์นำ

(พยาธิภายในสัตว์เคี้ยวเอื้อง)
1) Parsitic Gastre-enterittis or Round Worma and Hook Worms (พยาธิตัวกลมและปากขอ)สาเหตุ พยาธิตัวกลม Chaysomya bezziana
พยาธิปากขอ Strongyloidosis papillosus
ป้องกัน - ควรปล่อยสัตว์กินหญ้าตอนสาย ๆ เพื่อลดการติดพยาธิ
- ควรตรวจไข่พยาธิเป็นประจำ ซึ่งจะตรวจจากอุจจาระ
- กำจัดไข่พยาธิในทุ่งหญ้า โดยกำจัดก้อนอุจจาระในทุ่งหญ้า
- ทำโปรแกรมถ่ายพยาธิโดยใช้ยา Broad spectrum
antihelmintics ทา 3 เดือน
- Phenotiazine 200 – 400 mg/kg ของน้ำหนักโค และ
ไม่ควรเกิน 60 gm
- Organophosphate 550 – 110 mg/kg ของน้ำหนักโค
การรักษา - อัลเบนดาโซล 1 ml/ น้ำหนัก 10 kg กรอกให้สัตว์กิน
- ถ่ายพยาธิ Nicotine Sulfate Copper Sulfate 1%
- ไทโอฟาเนต (ตัวกลม), ไนโตรไซนิล (ปากขอ)
- Ivermectin 200 ?g ฉีดใต้ผิวหนัง
- อ๊อดเฟนดาโล (ตัวกลม)

หมายเหตุ : ในพยาธิตัวกลม มีรายงานพบว่า มีพยาธินี้จำนวนเพียง 400-800 ตัว
สามารทำให้โคถึงตายได้

2) Liver Fluke (พยาธิใบไม้)อาการและวิการ โลหิตจาง ผอม ขนหยาบกร้าน ตับอาจขยายใหญ่
ป้องกันและการรักษา - เมื่อตรวจพบ ใช้ยาถ่ายพยาธิ Hexachlorethane
carbontetrachoride 20 ml / 50 Kg
- ไนโตรไซนิล


3) Stomach Worms (พยาธิเส้นด้าย)อาการ สัตว์อ่อนแอ ผอม แคระแกรน
ป้องกันและรักษา - ทำการตรวจเมื่อพบใช้ถ่ายพยาธิ Copper Sulfate 1%
Thiabeendazole

4) Lung Worms (พยาธิในปอด)อาการ ไอ หายใจลำบาก มีเมือกถูกขับออกทางจมูก โลหิตจาง
ซูปผอม
ป้องกันการรักษา ฉีด diethcar – bamazine เข้ากล้ามเนื้อ


ยาสมุนไพรที่ใช้ถ่ายพยาธิภายใน
- ใบกระท้อน 3 กำมือผสมกับเกลือ 1 กำมือโขลกให้เข้ากันแล้วป้อนปาก
- ลูกมะเกลือ 0.5 ลิตรตำเอาน้ำผสมดีเกลือ 3 ช้อนแกง กรอกปาก 1 ขวดน้ำอัดลมโดยกรอกเพียงครั้งเดียว(ถ่ายเช้าจะขับพยาธิออกเย็นแต่ไม่สามารถจะถ่ายพยาธิในตับได้)
- มะขามเปียกประมาณ 3 มัด ผสมกับไพรโคลกละเอียดครึ่งหนึ่งของมะขามเปียกผสมกับเลือน้อยกว่าไพรกรอกปากไม่ผสมน้ำ
- เมล็ดสะแก 1 กำมือ ต้มรวมกับใบกระเพาะอีก 1 กำมือแล้วนำส่วนน้ำกรอกปาก

External Parasite of Ruminant (พยาธิภายนอกของสัตว์เอื้อง)1) Mange (โรค เรื้อน)สาเหตุ หมัด
อาการ คัน บริเวณแผลมีขนล่วง ผิวหนังหยาบ เป็นวง
รักษา - ตัดขนออกอาบด้วยน้ำยาเบนซินเฮกซาคลอไรด์ 0.03 %
- กำมะถันผง 1 ส่วน/น้ำมันพืช 9 ส่วน ผสมทาวันละ 1-2 ครั้ง
หลังจากทำความสะอาดแล้ว
- กำมะถันเหลือง 20 ช้อนโต๊ะ ผสมลูกเหม็น 10 ลูกตำละเอียด
ผสมกับน้ำมันมะพร้าว 2-3 กระป๋อง เคียวบนไฟ อ่อนๆ
จนเข้ากันรอให้หายร้อนแล้วนำไปทาบริเวณที่เป็น 3
วันครั้ง โรคจะหายไป 1-2 เดือน
ตัวอย่างยาการค้าที่ใช้ - Ivermec ฉีดใต้ผิวหนัง < 17 kg ฉีด 0.5 ml
- Phox- M pour-on โรคบริเวณเรื้อน 2-4 ครึ่งใช้ปริมาณ
1 ml/น้ำหนักตัว 3-5 kg โดยใช้ห่างกัน 5-10 วัน

2) Ticks (โรค เห็บ)สาเหตุ Iodide หรือที่เรียกว่า hard ticks
อาการ เบื่ออาหาร ซูบผอม น้ำหนักลด โลหิตจาง อ่อนเพลีย หงอยซึม
มีไข้สูงประมาณ 2-3 วัน ตัวสั่น น้ำนมลดลงปีละ 180 ลิตร/ตัว
ปัสสาวะแดงเข้มถึงดำขนร่วง เป็นพาหะนำเชื้อโปรโตรซัว และมี
อัตราการตายสูงประมาณ 50-90%
ป้องกัน - ควรมีโปรแกรมกำจัดพยาธิ โดยใช้
Asuntol เข้มข้น 0.06%
Decis เข้มข้น 0.0007%
Sevin เข้มข้น 0.5%
Basudin เข้มข้น 0.05%
สามารถป้องกันเห็บวัวได้นาน 6 วัน
รักษา - ปัจจุบันใช้สารสงเคราะห์ในกลุ่มไพรีธรอยด์
- Phosphorothioate 50% W/W
- ยาปาริเคดา 1 ml / น้ำ 1 ลิตร โดย อาบ, พ่น
- ยาดิลดริน 0.03% พ่น
- Cabarly 20 gm/น้ำ 10 ลิตร พ่น
- เซฟวิน 85 ทาลำตัว
- Ivermectin 200 mg ฉีดใต้ผิวหนัง
- คาร์บารีลโรเนลคลอร์เคน พ่นให้ทั่วตัว
- รากโลติ๊น 400 gm ทุบแช่น้ำ 4 ลิตรทิ้งไว้ค้างคืน พ้นตัวเห็บ
- กำมะถันผง 1 ส่วน/น้ำมันพืช 9 ส่วน ผสมทาวันละ 1-2 ครั้ง
หลังจากทำความสะอาดแล้ว
- ยาฉุนใส่ปูนแดงหมักไว้ 2 วัน แล้วเอามาทา
- ใช้สารละละายเมล็ดสะเดาความเข้มข้น 15%ฉีดพ่นทุก 3
สัปดาห์ เป็นระยะเวลา 12 เดือน

หมายเหตุ : - เห็บเป็นพาหนะโรคที่สำคัญหลายชนิด เช่น Anaplasmosis,
Piroplasmosis, Babesiasis
- การพ่นยาต้องระวัง ตาและจมูกโค
- เมื่อหายแล้วจะเป็นตัวอมโรค
- มีรายงานว่า พบว่าน้ำมันตะไคร้ และตระไคร้หอมสามารถฆ่าเห็บโคได้

3) Lices (เหา)สาเหตุ จัดอยู่ใน order Phthiraptera พวก Anoplura หรือ Sucking Lice
อาการ จะดูดเลือดโค ทำให้โคซูบผอม โตช้า แคระแกรน กระวนกระวาย น้ำหนักลด
ถ้าเป็นมากจะทำให้โลหิตจาง
ป้องกัน - ใช้ยากำจัดเหา เช่น โลติ๊น, ลินเดน
รักษา - ยาNegasunt (รักษาแผล)
- รากโลติ๊น 400 gm ทุบแช่น้ำ 4 ลิตรทิ้งไว้ค้างคืน พ่นตัวเหา (ต้องระวัง
เข้าตาและจมูกโค) ทำ 2 ครั้ง โดยให้ห่างกันประมาณ 2 สัปดาห์
- Ivermectin 200 ?g ฉีดใต้ผิวหนัง
- กำมะถันผง 1 ส่วนต่อน้ำมันพืช 9 ส่วน ทาบริเวณที่เป็นวันละ
1-2 ครั้ง หลังจากทำความสะอาดแล้ว

การดูแลรักษาบ้าน

12 ไอเดียมุมพักผ่อนในบ้าน
pic 1



ในช่วงเวลาของการพักผ่อน แน่นอนว่าแต่ละคนจะต้องมีมุมส่วนตัวเป็นมุมโปรดอยู่ที่ใดที่หนึ่งภายในบ้าน หากยังคิดไม่ออกว่าจะใช้มุมไหนก็มีวิธีง่ายๆ เนรมิตมุมพักผ่อนในบ้านที่ช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลายยิ่งขึ้น
1. สร้างบรรยากาศในห้องให้เป็นธรรมชาติ ด้วยการทาผนังเป็นสีขาว และทำพื้นหินขัดสีขาวที่ดูสบายตา ใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้สีธรรมชาติที่ไม่ต้องทำสี หรือใช้ของตกแต่งที่ทำด้วยวัสดุโปร่งใส ทำให้ห้องดูโปร่งสบายตาน่าพักผ่อนตลอดเวลา
2. เพิ่มความหวานให้บ้านไม้เก่า น่าพักผ่อนมากขึ้น ด้วยการติดวอลล์เปเปอร์ลายดอกไม้แสนหวานบนฝ้าเพดาน เพื่อช่วยปกปิดความไม่เรียบร้อยของฝ้าเดิม และให้ความรู้สึกเหมือนกับดอกไม้กำลังโปรยลงมา พร้อมทั้งใช้เฟอร์นิเจอร์หวายที่ดูเป็นกันเอง วางหมอนและผ้าปูโต๊ะลายดอกไม้สีสวย ก็ทำให้น่านั่งขึ้นเป็นกอง
3. กั้นห้องนั่งเล่นให้เป็นสัดส่วน ด้วยการออกแบบส่วนบนของผนังเป็นหน้าต่างกระจกบานหมุนที่สามารถพลิกเปิด – ปิดได้ ช่วยให้อากาศถ่ายเทได้ดี และดูโปร่งขึ้นก็สามารถพักผ่อนได้อย่างไม่อึดอัด

pic 2


4. พักผ่อนในห้องนอนสไตล์ญี่ปุ่น ด้วยการยกระดับพื้นขึ้นมา 15 – 20 ซม. ปูพื้นด้วยเสื่อตาตามิที่สั่งทำมาเป็นแผ่นให้พอดีกับพื้นที่แล้ววางฟูกนอน กับพื้น ใช้หน้าต่างบานเกล็ดไม้ปรับแสงแทนผ้าม่าน ก็ให้ความรู้สึกเรียบง่ายและผ่อนคลายแบบเป็นธรรมชาติ
5. พักผ่อนด้วยการอาบน้ำให้ชุ่มฉ่ำ ด้วยการทำหลังคาสกายไลท์ ทำ Rain Shower ด้วยแผ่นอะคริลิกใสที่ทำเป็นกระบะ เจาะรูให้น้ำไหลลงมาเป็นสายฝน แคนั้นก็สามารถอาบน้ำใต้แสงแดดอุ่นๆ ได้อย่างสบายอารมณ์ พร้อมกรุพื้นและผนังด้วยไม้ธรรมชาติให้รู้สึกผ่อนคลายยิ่งขึ้น
6. ทำมุมเคาน์เตอร์บาร์ที่เน้นความโปร่งสบายไว้สังสรรค์ ด้วยการทำผนังกั้นห้องด้วยกระจกฝ้า ติดชั้นสำเร็จรูปไว้กับกรอบวงกบ (แต่ไม่ควรวางของหนัก) ให้มีระดับสูงต่ำต่างกันเพื่อความสวยงาม พร้อมทั้งทำเคาน์เตอร์ด้วยเหล็กกล่องและไม้อัดพ่นสีดำ ขึงลวดสลิงตกแต่งดูเท่ และโปร่งตา
7. ดึงความสดชื่นมาไว้ในห้องนั่งเล่น ด้วยการทำมุมนั่งเล่นไว้ริมหน้าต่างกระจกแล้วปลูกไม้พุ่มริมผนังให้สูง 80 ซม. ก็สามารถมองเห็นต้นไม้สีเขียวสดชื่นจากภายในห้อง โดยไม่ต้องปลูกต้นไม้ในบ้านให้ลำบาก และยังดูโปร่งสบายตาอีกด้วย
8. เพิ่มมุมน่ามองให้ห้องรับประทานอาหาร ด้วยการเปลี่ยนผนังทึบเป็นผนังกระจก แล้วทำแผงไม้ระแนงด้านนอกให้ห่างจากผนังอย่างน้อย 60 ซม. เพื่อให้สามารถเดินเข้าไปดูแลได้ พร้อมปลูกไม้เลื้อยและแขวนไม้ประดับให้ดูชุ่มชื่น ก็ช่วยให้ดูสบายตาและยังคงรู้สึกเป็นส่วนตัวเหมือนเดิม
9. ทำห้องเล่นพูล สำหรับคนรักการพักผ่อนด้วยการทำกิจกรรม โดยเตรียมห้องขนาด 5.30 x 7.00 ม. เพื่อให้เล่นได้สะดวก หรือทำผนังห้องเป็นประตูบานเลื่อนที่สามารถเปิดได้กว้าง เพื่อขยายพื้นที่ห้องให้กว้างขึ้น แล้วยังสามารถปิดประตูไม่ให้รบกวนส่วนอื่นของบ้านได้ด้วย
10. ออกแบบหน้าบ้าน ให้เป็นมุมนั่งเล่นรับลมแบบเปิดโล่งไว้ริมสระว่ายน้ำ ด้วยการเลือกใช้ เฟอร์นิเจอร์ที่ดูโปร่งน่านั่ง แล้วติดผ้าม่านสีขาวโดยรอบเพื่อช่วยบังแสงแดดยามบ่าย และดูพลิ้วไหวให้ความรู้สึกเบาสบายยิ่งขึ้น
11. เพิ่มความสดใสและความเข้มขรึม ด้วยการติดเฟรมภาพเพ้นท์ศิลปะขนาดใหญ่โทนสีฟ้า และสีส้มบนผนัง ซึ่งออกแบบให้เลื่อนได้และใช้แทนประตูกั้นห้อง พร้อมแต่งห้องด้วยพื้นไม้สีเข้ม เฟอร์นิเจอร์หนัง และแชนเดอเลีย ที่ผสมผสานทั้งสองอารมณ์ให้มีเสน่ห์น่าประทับใจ
12.สร้างมุมพักผ่อนแบบเป็นกันเอง ด้วยการใช้เก้าอี้เปลแทนโซฟา และทำพื้นไม้ยกระดับสูง 40 ซม. วางเบาะรองนั่งแบบยาวที่ใช้ได้ทั้งนั่งและนอนเล่น พร้อมปูพรมนุ่มๆ ให้รู้สึกสบายเหมือนพักในบ้านตากอากาศ
Add comment พฤษภาคม 27, 2009

การดูแลผนังบ้าน

การเตรียมตัวรับปัญหาบ้านหน้าฝน หน้า ฝนบ้านเรานั้นยาวนาและหนักหนาพอสมควร การดูแลรักษาบ้านเพ่อพร้อมรับหน้าฝนเป็นสิ่งที่ไม่ควรหลีกเลี่ยงเกี่ยงทำ เป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะ การดูแลผนังบ้าน ผนังบ้านมีจุดอ่อนมากมายที่อาจจะเป็นปัญหา หรือบางท่านอาจกำลังประสบปัญหาเหล่านี้อยู่ก็ได้
ขอเริ่มจาก ผนังปูน (ก่ออิฐฉาบปูน ) ผนังประเภทนี้มีปัญหาสากลคือ การร้าว สาเหตุของการร้าวมีดังนี้
1. ร้าวเนื่องจากอิฐทรุดตัวส่งผลให้ปูนฉาบร้าวหากทรุดตัวมากผนังเสียรูปคือบวม หรือเบี้ยวต้องมีการทุบและก่อใหม่แต่ส่วนมากไม่รุนแรงมากการแก้ไขทำได้โดย สกัดผิวและฉาบแต่งใหม่ด้วยปูนฉาบหรือวัสดุกันซึมต่างๆ
2.ร้าวเนื่อง จากปูนฉาบหดตัวสาเหตุหลักมาจากช่วงเวลาของการฉาบการฉาบปูนภายนอกอาคารหากฉาบ ในช่วงเวลาที่อากาศร้อนจัดหรือผนังอยู่ฝั่งที่โดนแสงแดดโดยตรงจะส่งผลให้ ผนังหดตัวเนื่องจากปูนฉาบแห้งเร็วเกินไปการแก้ไขทำได้โดยยาแนวรอบรอยร้าว ด้วยวัสดุกันซึมที่ไม่มีการยืดหดตัวสูง
3.การรั่วซึมอีกอย่างของผนัง ปูนคือการที่มีการฉาบผนังเพียงด้านเดียวพบมากกับอาคารประเภทตึกแถวหรือผนัง ที่สร้างชิดแนวเขตที่ดินการก่อผนังแล้วปล่อยเปลือยจะส่งผลให้น้ำซึมผ่านรอย ต่อของอิฐเข้ามาสู่ผนังด้านในเนื่องจากไม่มีปูนฉาบเป็นตัวขวางกั้นอีกทั้ง ตัวอิฐมอญ(อิฐสีแดง),คอนกรีตบล็อค(สีเทาๆ)หรือคอนกรีตมวลเบา(สีขาวๆ)จะมี คุณสมบัติในการดูดซึมน้ำดังนั้นนอกจากน้ำจะรั่วแล้วผนังยังจะชื้นตลอดเวลา ทางที่ดีควรจะฉาบผนังทั้งสองด้านและผนังด้านนอกควรผสมกันซึมลงในปูนฉาบด้วย
4. การรั่วซึมเนื่องจากปูนฉาบหรือวัสดุเคลือบผิวหมดสภาพสิ่งของทุกอย่างมีอายุ การใช้งานสีทาอาคารจะมีอายุการใช้งานสูงสุด10ปีดังนั้นต้องหมั่นดูแลรักษา ทาสีเพื่อรักษาตัวปูนฉาบด้วยส่วนปูนฉาบจะมีอายุการใช้งานประมาณ 20-25ปีหลังจากนั้นเนื้อปูนจะสูญเสียประสิทธิภาพลักษณะจะร่วนและไม่เกาะตัว ทำให้อาคารเก่าบางแห่งรั่วซึมเนื่องจากปูนฉาบอาคารหมดสภาพการดูแลรักษาด้วย การหมั่นตรวจสอบและซ่อมแซมการใช้วัสดุทาผิวที่มีคุณสมบัติดีป้องกันแสงแดด และมีการยึดเกาะสูงจะช่วยยืดอายุการใช้งานของผนังฉาบ
ผนังไม้
บ้าน ที่เป็นผนังไม้ส่วนใหญ่เป็นบ้านอายุเกิน 30 ปี ที่พบในปัจจุบันส่วนใหญ่ลักษณะผนังจะเป็นการซ้อนเกล็ดในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งทางนอน ทางตั้ง และบ้านเรือนไทยฝาปะกน สาเหตุหลักของบ้านฝาไม้ที่เกิดการรั่วซึมเนื่องจากการยืดหดตัวของไม้ และการที่ไม้แตก สิ่งที่กระตุ้นอาการเหล่านี้ คือ การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการอยู่ของเจ้าของเดิม บ้านเหล่านี้ก่อสร้างภายใต้สภาพแวดล้อมอากาศตามธรรมชาติ เมื่อเวลาผ่านไปการใช้เครื่องปรับอากาศกลายเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิต มีการติดตั้งเครื่องปรับอากาศเพื่อลดความร้อนจากสภาพอากาศ เกิดความแตกต่างของอุณหภูมิภายในกับภายนอก ทำให้ไม้เกิดการยืดหดตัวรุนแรง เกิดร่องรอย และบางทีแผ่นไม้แตกตามรอยตะปู เนื่องจากการบิดตัว ส่งผลให้น้ำสามารถลอดผ่านเข้ามาภายในบ้าน การแก้ไข คือ หากต้องการติดเครื่องปรับอากาศ ท่านจะต้องลงทุนกรุผนังภายในด้วยยิปซั่มบอร์ด เพื่อรักษาอุณหภูมิภายในไว้และป้องกันความร้อนเข้าและเนื่องจากยิปซั่มต้อง มีโครง อากาศภายในช่องว่างจะทำหน้าที่เป็นฉนวน ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงพอประมาณแต่คุ้ม(ต.ร.ม ละ 350-380บาท) เพราะจะช่วยท่านประหยัดไฟด้วยเนื่องจากท่านทำห้องให้เป็นเหมือนคูลเลอร์
ผนังวัสดุอื่น ๆ
ผนัง วัสดุอื่น ๆ มักเกิดการรั่วซึมสาเหตุเกิดจากรอยต่อวัสดุที่ไม่ดี ต่อไม่ถูกต้องตามการติดตั้งของผู้ผลิต การต่อของวัสดุต้องเป็นไปตามมาตรฐานของผู้ผลิตมักไม่มีปัญหา วัสดุอื่นที่นิยมใช้และพบว่ารั่ว คือ ผนังกระจก ผนังกระจกจะรั่วบริเวณกระจกต่อกับวัสดุอื่นโดยเฉพาะวัสดุที่มีอัตราการยืดหดตัวสูง เช่น ไม้ และเหล็ก ต้องดูแลวัสดุยาแนว(ซิลิโคน)ว่า
1. ยาแนวได้ดีถูกต้องไม่มีฟองอากาศ
2. ซิลิโคนมีอายุการใช้งานประมาณ 5-7 ปี ต้องดูแลว่าใกล้หมดอายุหรือไม่ และต้องมีการดูแลรักษาตามวาระนะคะ หวังว่าข้อมูลเบื้องต้นเหล่านี้คงจะช่วยท่านผู้อ่าน เตรียมตัวรับหน้าฝนที่กำลังจะมาเยือนได้

งานธุรกิจ

วิชาการงานอาชีพและเทคโนโลยี
Log in | วันจันทร์ที่ 8 ส.ค. 2554

งานธุรกิจ

วันที่โพส 13 ต.ค. 2552 โพสโดย ทีมงานทรูปลูกปัญญา
งานธุรกิจ
 เรียนรู้งานธุรกิจ
     1.  ประเภทของงานธุรกิจ
         
งานธุรกิจ  เป็นการทำกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการผลิต  การซื้อ  การขาย  และการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการต่าง ๆ โดยมุ่งหวังผลประโยชน์หรือผลกำไรตอบแทน
          เราสามารถแบ่งประเภทของงานธุรกิจาตามลักษณะของงานที่ทำ  ได้ดังนี้
          1.  ธุรกิจการเกษตร  เป็นการทำงานที่เกี่ยวกับการเกษตรทุกชนิด  เพื่อผลิตสินค้ามาจำหน่ายให้แก่ผู้บริโภค
          2.  ธุรกิจการอุตสาหกรรม  เป็นการทำงานที่เกี่ยวกับการอุตสาหกรรมเพื่อผลิตสินค้าและกระจายสินค้าไปสู่ผู้บริโภค
          3.  ธุรกิจการเงิน  เป็นการทำงานที่เกี่ยวกับการเงิน  เช่น  การรับฝากเงิน  หรือถอนเงิน  เป็นต้น
          4.  ธุรกิจการก่อสร้าง  เป็นการทำงานที่เกี่ยวกับการก่อสร้างอาคาร  บ้านหรือตึกสำนักงานต่าง ๆ เป็นต้น
     2.  ความสำคัญของงานธุรกิจ
          งานธุรกิจ  เป็นงานที่มีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตของคนเรา  เพราะเป็นแหล่งผลิตสินค้าและบริการ  ซึ่งเกิดขึ้นมาเพื่อตอบสนองความต้องการของมนุษย์  ดังต่อไปนี้
          1.  ความต้องการขั้นพื้นฐานที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต  ได้แก่  ปัจจัย 4
          2.  ความต้องการอยากมี  แต่ถ้าไม่มีก็ยังสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้  ได้แก่  สิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เป็นต้น
     3.  ประโยชน์ของงานธุรกิจ          1.  เป็นแหล่งผลิตสินค้าและบริการ
          2.  ทำให้เกิดการจ้างงาน  และสร้างรายได้ให้กับคนทั่วไป
          3.  ช่วยกระจายสินค้าจากผู้ผลิตไปสู่ผู้บริโภค
          4.  เป็นแหล่งเพิ่มรายได้ให้แก่รัฐ
          5.  ช่วยพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ
ตัวอย่างการทำงานธุรกิจ
การออมทรัพย์
     การออมทรัพย์  หมายถึง  การเก็บสะสมเงินที่ยังไม่จำเป็นต้องไว้ใช้จ่ายไว้  เพื่อจะได้นำเงินที่เก็บมาใช้ประโยชน์ในยามจำเป็นหรือในอนาคต
     การออมทรัพย์จัดเป็นการทำงานธุรกิจในเบื้องต้น  เพราะการออมทรัพย์กับธนาคารหรือการนำไปซื้อหุ้นสหกรณ์  จะก่อให้เกิดรายได้จากดอกเบี้ยเงินฝาก  หรือเงินปันผลจากสหกรณ์  ซึ่งถือเป็นการลงทุนอย่างหนึ่ง  การออมทรัพย์มีประโยชน์ต่อเรา  ดังนี้
     1.  ทำให้รู้จักใช้จ่ายเงินอย่างมีประโยชน์และมีคุณค่า
     2.  ทำให้มีเงินสำรองไว้ใช้จ่ายในยามขัดสน
     3.  ฝึกให้มีนิสัยการใช้จ่ายเงินอย่างประหยัด
     4.  ช่วยแบ่งเบาภาระของพ่อแม่  และผู้ปกครอง
     5.  สร้างรายได้ให้เพิ่มขึ้น  เช่น  ได้รับดอกเบี้ยหรือเงินปันผล  จากการนำเงินไปฝากกับธนาคาร  การซื้อหุ้น  การซื้อพันธบัตรออมทรัพย์  หรือการลงทุนอื่น ๆ เป็นต้น
     6.  ช่วยสร้างความสุขและความมั่นคงให้กับครอบครัว
     เราสามารถสร้างนิสัยาการออมทรัพย์  โดยอาศัยหลักการดังนี้
     1.  กำหนดเป้าหมายว่าจะออมเงินในแต่ละวัน  สัปดาห์  หรือเดือน  ประมาณเท่าไร
     2.  วางแผนการใช้จ่ายเงินล่วงหน้า  โดยใช้จ่ายเงินให้น้อยกว่ารายรับ
     3.  จดบันทึกรายรับ-รายจ่าย  เพื่อนำมาพิจารณาตัดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นออก
     4.  ควบคุมการใช้จ่ายของตนเอง
     5.  เก็บสะสมเงิน  โดยอาจนำไปฝากไว้กับพ่อแม่  หรือฝากธนาคาร

งานประดิษฐ์

พระไตรปิฎก

คำกล่าวหน้าเว็บ
เว็บนี้ได้จัดทำขึ้นเพื่อให้ผู้ที่ต้องการศึกษาเกี่ยวกับพระธรรม พระไตรปิฎก ในเนื้อหาของพระวินัย พระสูตร พระอภิธรรม และโดยเฉพาะผู้ที่อยู่ต่างประเทศ ได้มีโอกาสศึกษาพระธรรม พระไตรปิฎก โดยการจัดทำนี้ ได้ช่วยกันพิมพ์กัน 3 คน จากหนังสือ "พระไตรปิฎก ฉบับสำหรับประชาชน ย่อความจากประไตรปิฎกฉบับภาษาบาลี ๔๕ เล่ม" โดยคุณสุชีพ ปุญญานุภาพ
ธรรมทาน
ผู้จัดทำไม่ค่อยมีความรู้เรื่องการทำเว็บ หรือโปรแกรมกัน แต่ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเว็บนี้คงจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย บุญกุศลใด ๆ ในการทำเว็บนี้ขอบุญกุศลที่ได้กระทำแล้วทั้งหมด จงส่งผลให้กับคุณสุชีพ ปุญญานุภาพ ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำหนังสือพระไตรปิฎกทุก ๆ ท่าน ผู้จัดทำและทุก ๆ ท่านด้วยเทอญ ขออำนาจบารมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอริยสงฆ์ จงดลบันดาลให้ผู้จัดทำเว็บและครอบครัว และทุก ๆ ท่านที่เข้ามาอ่านเว็บ และสรรพสัตว์ทั่วสากลโลกจงประสบแด่ความสุข ความเจริญ สมความปรารถนาทุกประการ สำเร็จเข้าสู่พระนิพพานโดยเร็วเทอญ
สิ่งใดผิดพลาด
หากเกิดการปรามาส พลาดพลั้งโดยมิได้เจตนา ขอจงอดโทษแก่ผู้จัดทำด้วยเทอญ และหากมีสิ่งใดผิดพลาดหรือสิ่งที่ต้องการให้แก้ไข ขอความกรุณาช่วยแจ้งด้วย จักขอบพระคุณยิ่ง

หน้าที่ชาวพุทธ

หน้าที่ชาวพุทธ
   ชาวพุทธ  คือ  ผู้ที่เคารพเลื่อมใสและศรัทธาในพระรัตนตรัย  มีหน้าที่ในการศึกษาและปฏิบัติตามหลักธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนา  ในความเคารพนับถือต่อพระรัตนตรัย  เอาใจใส่ทำนุบำรุง  และบำเพ็ญประโยชน์ต่อวัดและพระสงฆ์  นอกจากนี้ยังต้องปฏิบัติตนอย่างมีมารยาท  ที่ถูกต้องและเหมาะสมต่อพระสงฆ์  และนำแนวทางการปฏิบัติตนของพระสงฆ์มาเป็นแบบอย่างที่ดีงามในการดำเนินชีวิต
๑)  หน้าที่ชาวพุทธโดยทั่วไป
   ๑)  ด้านการศึกษาและปฏิบัติธรรม

ชาวพุทธที่ดีควรให้ความสนใจศึกษาค้นคว้าหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา  และน้อมนำหลักธรรมที่ได้ศึกษาแล้วมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมแก่ฐานะของตน  รวมทั้งการแสดงความเป็นชาวพุทธที่ดีด้วยการทำบุญบำเพ็ญกุศล  เข้าร่วมพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนาในโอกาสสำคัญต่างๆ
   ๒)  ด้านการอุปถัมภ์พระพุทธศาสนา
          ๒.๑)  การอุปถัมภ์พระภิกษุสามเณร 
   พระภิกษุสามเณรนอกจากมีหน้าที่ในการศึกษาธรรม  ปฏิบัติธรรม  และสั่งสอนธรรมแล้ว  ยังต้องปฏิบัติศาสนกิจอื่นๆ  เพื่อความดีงามและความสงบสุขของประชาชน  ด้วยการแนะนำสั่งสอนประชาชนให้เป็นคนดีมีคุณธรรม  ดังนั้นเพื่อแสดงออกถึงความกตัญญูต่อคุณูปการของพระภิกษุสามเณร  ชาวพุทธที่ดีจึงควรช่วยอุปถัมภ์  บำรุงและส่งเสริมพระภิกษุสามเณร  เพื่อให้มีกำลังในการปฏิบัติศาสนกิจ  สืบต่ออายุพระพุทธศาสนาให้มั่นคงสืบไป
          ๒.๒)  การทำนุบำรุงวัดและพุทธศาสนสถาน 
   พระพุทธศษสนามีวัดเป็นศูนย์กลางสำหรับการบำเพ็ญกุศล  การฝึกอบรม  และการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับประชาชน  โดยมีพระสงฆ์ในฐานะศษสนบุคคลเป็นผู้ชี้แนะแนวทางการดำเนินชีวิต  วัดจึงเป็นอุทยานการศึกษาเพราะเป็นแหล่งการเรียนรูสำคัญทางศิลปวัฒนธรรมของชาติ  วัดบางแห่งยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติและมรดกโลก
          ๒.๓)  ด้านการปฏิบัติตนเพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีของสังคม 
   ชาวพุทธที่ดี  คือ  ผู้ปฏิบัติตนในฐานะที่เป็นพลเมืองดีของชาติด้วยการดำรงตนอยู่ในกรอบของกฎหมาย  ปฏิบัติตนตามสิทธิและหน้าที่อย่างเหมาะสม  ไม่ละเมิดกฎระเบียบและกติกาของสังคม
          ๒.๔)  ด้านการปกป้องคุ้มครองพระพุทธศาสนา 
   พระพุทธศาสนาถือเป็นมรดกของชาติไทยที่บรรพบุรุษได้ปกป้องคุ้มครองมาด้วยชีวิต  เมื่อวิกฤตการณ์เกิดขึ้นกับพระพุทธศาสนา  ชาวพุทธไม่ควรนิ่งดูดายและปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพระสงฆ์เพียงฝ่ายเดียว  ควรช่วยกันแก้ไขระงับเหตุการณ์มิให้ลุกลามใหญ่โต
๒)  หน้าที่ของนักเรียนในฐานะที่เป็นชาวพุทธ
   ๑)  การเรียนรู้วิถีชีวิตของพระสงฆ์ 
   พระสงฆ์  คือ  กลุ่มบุคคลที่มีความศรัทธาเลื่อมใสในคำสอนของพระพุทธเจ้า  แล้วสละความเป็นคฤหัสถ์ไปดำเนินชีวิตตามแบบบรรพชิตด้วยการศึกษาเรียนรู้  ฝึกหัดตนเองตามหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า  และเมื่อสามารถพัฒนาตนเองให้มีความรู้ความเข้าใจในหลักธรรมได้ในระดับนึงแล้ว  ก็นำหลักธรรมเหล่านั้นมาอบรมสั่งสอนประชาชนให้มีความรู้  ความเข้าใจในธรรมะ  และนำไปปฏิบัติในการดำเนินชีวิต
   ๒)  การปฎิบัติตนอย่างเหมาะสมต่อเพื่อน
   พระพุทธศาสนาให้ความสำคัญกับการอยู่ร่วมกันในสังคม  จึงมีคำสอนเรื่องการคบเพื่อน  และการปฏิบัติตนในฐานะที่เป็นเพื่อนที่ดี  ดังนี้

วันวิสาขบูชา

วันวิสาขบูชา

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ส่วนหนึ่งของศาสนาพุทธ

Dhamma Cakra.svg สถานีย่อย

Dharmacakra flag (Thailand).svg
ประวัติศาสนาพุทธ
ศาสดา
พระโคตมพุทธเจ้า
(พระพุทธเจ้า)
จุดมุ่งหมาย
นิพพาน
ไตรรัตน์
พระพุทธ · พระธรรม · พระสงฆ์
ความเชื่อและการปฏิบัติ
ศีล (ศีลห้า) · ธรรม (เบญจธรรม)
สมถะ · วิปัสสนา
บทสวดมนต์และพระคาถา
คัมภีร์และหนังสือ
พระไตรปิฎก
พระวินัยปิฎก · พระสุตตันตปิฎก · พระอภิธรรมปิฎก
หลักธรรมที่น่าสนใจ
ไตรลักษณ์
อริยสัจ ๔ · มรรค ๘ · อิทัปปัจจยตา
นิกาย
เถรวาท · อาจริยวาท (มหายาน) · วัชรยาน · เซน
สังคมศาสนาพุทธ
ปฏิทิน · บุคคล · วันสำคัญ · ศาสนสถาน · วัตถุมงคล
การจาริกแสวงบุญ
พุทธสังเวชนียสถาน ·
การแสวงบุญในพุทธภูมิ
ดูเพิ่มเติม
อภิธานศัพท์ศาสนาพุทธ
หมวดหมู่ศาสนาพุทธ
วันวิสาขบูชา หรือ วันเพ็ญเดือน 6 นับเป็นวันที่สำคัญที่สุดในพระพุทธศาสนา เพราะเป็นวันคล้ายวันที่เกิดเหตุการณ์สำคัญของพระพุทธศาสนามากถึง 3 เหตุการณ์ คือ เป็นวันคล้ายวันประสูติ, ตรัสรู้ และปรินิพพาน ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ดังนั้นจึงมีคำเรียกวันนี้อีกอย่างหนึ่งว่า "วันพระพุทธเจ้า"
วันวิสาขบูชา หรือ วิศาขบูชา (บาลี: วิสาขปูชา; อังกฤษ: Vesak) เป็น "วันสำคัญทางพระพุทธศาสนาสากล" ของชาวพุทธทุกนิกายทั่วโลก, วันหยุดราชการ ในหลายประเทศ และ วันสำคัญของโลก ตามมติเอกฉันท์ของที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติ[1] เพราะเป็นวันคล้ายวันที่เกิดเหตุการณ์สำคัญที่สุดในพระพุทธศาสนา 3 เหตุการณ์ด้วยกัน คือ เป็นวันคล้ายวันประสูติ, ตรัสรู้ และปรินิพพาน แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยทั้งสามเหตุการณ์นั้นได้เกิดตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 หรือในวันเพ็ญแห่งเดือนวิสาขมาส (ต่างปีกัน) ชาวพุทธจึงถือว่าเป็นวันที่รวมเกิดเหตุการณ์อัศจรรย์ยิ่ง จึงเรียกการบูชาในวันนี้ว่า "วิสาขบูชา" ย่อมาจาก"วิสาขปูรณมีบูชา" แปลว่า "การบูชาในวันเพ็ญเดือนวิสาขะ" อันเป็นเดือนที่สองตามปฏิทินของอินเดีย ซึ่งตรงกับวันเพ็ญเดือน 6 ตามปฏิทินจันทรคติของไทย ซึ่งมักจะตรงกับเดือนพฤษภาคม หรือมิถุนายน โดยในประเทศไทย ถ้าในปีใดมีเดือน 8 สองหน ก็เลื่อนไปทำในวันเพ็ญเดือน 7 หลัง ตามปฏิทินจันทรคติของไทย ซึ่งประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนาเถรวาทอื่นที่ไม่ได้ถือคติตามปฏิทินจันทรคติของไทย จะจัดพิธีวิสาขบูชาในวันเพ็ญเดือน 6 แม้ในปีนั้นจะมีเดือน 8 สองหนตามปฏิทินจันทรคติไทยก็ตาม[2] และในกลุ่มชาวพุทธมหายานบางนิกาย ที่นับถือว่าเหตุการณ์ทั้ง 3 นั้น เกิดในวันต่างกันไป จะมีการจัดพิธีวิสาขบูชาต่างวันกันตามความเชื่อในนิกายของตน ๆ ซึ่งจะไม่ตรงกับวันวิสาขบูชาตามปฏิทินของชาวพุทธเถรวาท [3]
วันวิสาขบูชานั้น ได้รับการยกย่องจากพุทธศาสนิกชนทั่วโลกให้เป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาสากล เนื่องจากเป็นวันที่บังเกิดเหตุการณ์สำคัญ 3 เหตุการณ์ ที่เกี่ยวเนื่องกับพระพุทธเจ้าและจุดเริ่มต้นของศาสนาพุทธ ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดได้เกิดขึ้นเมื่อ 2,500 กว่าปีก่อน ณ ดินแดนที่เรียกว่าชมพูทวีปในสมัยพุทธกาล โดยเหตุการณ์แรก เมื่อ 80 ปี ก่อนพุทธศักราช เป็น "วันประสูติของเจ้าชายสิทธัตถะ" ณ ใต้ร่มสาละพฤกษ์ ในพระราชอุทยานลุมพินีวัน (อยู่ในเขตประเทศเนปาลในปัจจุบัน) และเหตุการณ์ต่อมา เมื่อ 45 ปี ก่อนพุทธศักราช เป็น "วันที่เจ้าชายสิทธัตถะได้บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณ ตรัสรู้เป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า" ณ ใต้ร่มโพธิ์พฤกษ์ ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา ตำบลอุรุเวลาเสนานิคม (อยู่ในเขตประเทศอินเดียในปัจจุบัน) และเหตุการณ์สุดท้าย เมื่อ 1 ปี ก่อนพุทธศักราช เป็น "วันเสด็จดับขันธปรินิพพานขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า" ณ ใต้ร่มสาละพฤกษ์ ในสาลวโนทยาน พระราชอุทยานของเจ้ามัลละ เมืองกุสินารา (อยู่ในเขตประเทศอินเดียในปัจจุบัน) โดยเหตุการณ์ทั้งหมดล้วนเกิดตรงกับวันเพ็ญเดือน 6 หรือเดือนวิสาขะนี้ทั้งสิ้น ชาวพุทธจึงนับถือว่าวันเพ็ญเดือน 6 นี้ เป็นวันที่รวมวันคล้ายวันเกิดเหตุการณ์สำคัญ ๆ ของพระพุทธเจ้าไว้มากที่สุด และได้นิยมประกอบพิธีบำเพ็ญบุญกุศลและประกอบพิธีพุทธบูชาต่าง ๆ เพื่อเป็นการถวายสักการะรำลึกถึงแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสืบมาจนปัจจุบัน
วิสาขบูชา มีการนับถือปฏิบัติกันในหลายประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนาทั้งมหายานและเถรวาททุกนิกายมาช้านานแล้ว ในบางประเทศเรียกพิธีนี้ว่า "พุทธชยันตี" (Buddha Jayanti) เช่นใน อินเดีย และศรีลังกา ในปัจจุบันมีหลายประเทศที่ยกย่องให้วันวิสาขบูชาเป็นวันหยุดราชการ เช่น ประเทศอินเดีย, ประเทศไทย, ประเทศพม่า, ประเทศศรีลังกา, สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย เป็นต้น (ส่วนใหญ่เป็นประเทศที่มีสัดส่วนประชากรที่นับถือพระพุทธศาสนานิกายเถรวาทมากที่สุด) ในฝ่ายของประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนาเถรวาทในปัจจุบัน ส่วนใหญ่ได้รับคติการปฏิบัติบูชาในวันวิสาขบูชามาจากลังกา (ประเทศศรีลังกา) ในประเทศไทยปรากฏหลักฐานว่ามีการจัดพิธีวิสาขบูชามาตั้งแต่สมัยสุโขทัย
วันวิสาขบูชา ถือได้ว่าเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาสากล เพราะชาวพุทธทุกนิกายจะพร้อมใจกันจัดพิธีพุทธบูชาในวันนี้พร้อมกันทั่วทั้งโลก[4] (ซึ่งไม่เหมือนวันมาฆบูชา และวันอาสาฬหบูชา ที่เป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาที่นิยมนับถือกันเฉพาะในประเทศไทย, ลาว, และกัมพูชา) และด้วยเหตุนี้ ประชุมใหญ่สมัชชาสหประชาชาติจึงยกย่องให้วันวิสาขบูชาเป็น "วันสำคัญสากลนานาชาติ (International Day)" หรือ "วันสำคัญของโลก" ตามคำประกาศของที่ประชุมใหญ่สมัชชาสหประชาชาติ ครั้งที่ 54 ลงวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2542
ปัจจุบัน ประเทศไทยได้ประกาศให้วันวิสาขบูชาเป็นวันหยุดราชการ โดยพุทธศาสนิกชนทั้งพระบรมวงศานุวงศ์ พระสงฆ์ และประชาชน จะมีการประกอบพิธีต่าง ๆ เช่น การตักบาตร การฟังพระธรรมเทศนา การเวียนเทียน เป็นต้น เพื่อเป็นการบูชารำลึกถึงพระรัตนตรัยและเหตุการณ์สำคัญ 3 เหตุการณ์ดังกล่าว ที่ถือได้ว่าเป็นวันคล้ายวันที่ "ประสูติ" ของเจ้าชายสิทธัตถะ ผู้ซึ่งต่อมาได้ "ตรัสรู้" เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ทรงกอปรไปด้วย "พระบริสุทธิคุณ", "พระปัญญาคุณ" ผู้ซึ่งได้ทรงสั่งสอนประกาศพระสัจธรรม คือความจริงของโลกแก่พหูชนทั้งปวงโดย "พระมหากรุณาธิคุณ" จวบจนทรง "เสด็จดับขันธปรินิพพาน" ในวาระสุดท้าย ซึ่งทั้งสามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสืบเนื่องในวันเพ็ญเดือน 6 ทั้งสิ้นนี้ ทำให้พระพุทธศาสนาได้บังเกิดและสืบต่อมาอย่างมั่นคงจนถึงปัจจุบัน